วัดภาษี ตั้งอยู่บริเวณเขตวัฒนา ริมคลองแสนแสบ ย้อนกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 6เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2462 วัดมีการนำศพขึ้นมาทำพิธีทางศาลนาโดยนำมาตั้งศาลชื่อศาลว่า "ศาลบุญเพ็งหีบเหล็ก" บุคคลในวัดเรียกกันว่าลุงบุญเพ็ง
"ลุงบุญเพ็ง" หรือ "บุญเพ็งหีบเหล็ก" มีประวัติมายาวนาน ซึ่งเรื่องราวที่เล่าขานกันว่าเป็นฆาตกรฆ่าหั่นศพรายแรกของประเทศไทย และเป็นนักโทษที่ประหารโดยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทยซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากระบบสมบรูณาญาสิทธิราชมาเป็นระบบประชาธิปไตย
โดยเมื่อปี 2536 โดยเมื่อทางวัดได้ลื้อเจดีย์ออกได้ทำการตั้งศาลบุญเพ็งขึ้นติดกับวิหาร เพื่อเป็นการระลึกถึงนักโทษคนสุดท้ายที่ประหารโดยการกุดหัวรายกุดท้ายของสยามประเทศเมื่อปี 2474
บุญเพ็ง เกิดที่ท่าอุเทน จ.นครพนม(มณฑลอุดร)พ่อเป็นคนจีนแม่เป็นคนญ้อ(เชื้อสายลาว) เมื่อตอนเป็นเด็กได้ย้ายมาอยู่ที่บางประกอกมาอาศัยอยู่กับตาชื่อสุกและยายเพียร พอฎตขึ้นสนใจในเรื่องของไสยศาสตร์พยายามศึกษาโดยไม่ได้สนใจว่าใครจะห้าม พออายุได้ 27 ปีได้ก็ตัดสินใจบวชในวัดแถวๆนนทบุรีรับทำเสน่ห์ยาแฝดและเรื่องไสยศาสตร์ต่างๆ เพื่อนำเงินมาใช้ในเรื่องของสุราและการพนัน
จนเมื่อผีพนันเข้าสิงความต้องการเงินทองจึงมากขึ้น ความคิดที่จะต้องหามาให้ได้เพื่อตอบแทนผีพนันจึงต้องลงมือ "ฆ่าชิงทรัพย์" โดยเหยื่อรายแรกเริ่มจาก นายล้อมพ่อค้าเพรชพลอย ร่วมมือกับลูกน้องชื่อนายจรัลฆ่าและเอาลงหีบ จากนั้นนำขึ้นรถเจ็กเอาไปทิ้งที่คลองบางลำภูในช่วงดึก
เหยื่อรายที่๒เป็นคนที่เล่นพนันด้วยกันแต่เป็นฝ่ายได้เงินบุญเพ็งไป จึงเกิดการวางแผนเพื่อชิงทรัพย์คือและก็ให้นายจรัลเอาใส่หีบเหล็กไปทิ้งที่คลองบางลำภูเหมือนเดิม
รายสุดท้ายเป็นผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับนายบุญเพ็งและเกิดการตั้งท้อง และนางปริกต้องการให้นายบุญเพ็งรับผิดชอบและให้ยอมรับออกหน้าออกตา ดังนั้นจึงเกิดการวางแผนฆ่าขึ้นซึ่งบุญเพ็งลงมือกระทำคนเดียวและนำใส่หีบเหล็กจากนั้นเอาไปทิ้งที่คลองบางลำภูเช่นเดิม
แต่และหีบที่ใส่ศพของนางปริกไม่ยอมจมไปกับน้ำ แต่ลอยไปติดกอสวะชาวบ้านแถวนั้นที่หากุ้งจึงพบและเปิดออกดูพบว่าเป็นศพผู้หญิงยัดใส่ไว้ภายใน จากนั้นจึงแจ้งอำมาตย์เอกพระยานนทบุรีนครบาลจังหวัดนนทบุรีเริ่มสืบหาความจริง จากนั้นเพียงวันเดียวก็รู้ความจริงว่าศพที่อยู่ในหีบเป็นนางปริกเพราะแม่ของนางปริกได้มาแจ้งความไว้ บอกว่าลูกสาวของตัวเองหายไปจากบ้านเพื่อไปงานสวนจิตรลดา โดยก่อนออกจากบ้านนางปริกได้รับจดหมายจากนายบุญเพ็งให้ไปเอาสร้อยที่นายบุญเพ็งยืมไป เมื่อตำรวจมีหลักฐานจึงออกตามจับนายบุญเพ็งทันที
บุญเพ็งหนีไปบวชที่อยุธยา แต่ได้สึกออกมาเพื่อจะแต่งงานกับหญิงที่หมายปอง แต่คราวนั้นตำรวจได้จับบุญเพ็งไว้ก่อนเข้าเรือนหอ จากนั้นศาลได้ตัดสินให้ทำการประหารชีวิตด้วยการตัดหัวให้ตายตกไปตามกัน(หรือกุดหัว) ณ.ป่าช้าวัดภาษี ในลานประหารไม่มีญาติของบุญเพ็งมาเลยแม้แต่คนเดียว
19 กุมภาพันธ์ 2462 มีการประหารบุญเพ็งซึ่งนักโทษคนนี้ขอไม่ให้มีการปิดตา จากนั้นเพรชฆาตรำดาบเสร็จก็ลงดาบไปที่คอของนักโทษประหารแต่ไม่มีการระคายผิวแม้แต่น้อย สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมากเพรชฆาตจึงต้องได้กล่าวว่า "มีอะไรดี ให้เอาออกมาเสีย"
บุญเพ็งได้คายบางอย่างออกมีลักษณะสีดำมาจากปากและเพรชฆาตโยนทิ้งเข้าไปในป่าและหายไป จากนั้นเมื่อลงมืออีกรอบก็ไม่มีปัญหา ดาบฟันผ่านคอและคอกระเด็นหลุดอย่างง่ายดาย ศพของบุญเพ็งถูกฝังไว้ที่ป่าช้าในวัดภาษี จนญาติมาทำพิธีเผาแต่รอยสักอยู่ตรงแผ่นหลังไม่ยอมไหม้ไฟ ส่วนกระดูกได้มีการเก็บไว้ข้างเจดีย์ข้างๆอุโบสถ์วัด
แผนที่วัดภาษี
วัดภาษีในปัจจุบัน
อ้างอิง : http://www.tnews.co.th/contents/203172,https://www.dek-d.com/board/view/2693581/,https://th.wikipedia.org/wiki/บุญเพ็งหีบเหล็ก,https://hilight.kapook.com/view/100990,https://pantip.com/topic/30834042
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น