วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ระเบิดชุมชนคลองเตย








     ชุมชนคลองเตยเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้คนส่วนมากอยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่จำกัด และมีเหตุการณ์ที่ชาวคลองเตยลืมไม่ลงกับเหตุเพลิงใหม้ครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2534 เหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิต บาดเจ็บ แต่ที่โชคร้ายกว่านั้นคือคนที่อยู่ภายในชุมชนรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยดับเพลิงในวันนั้น ต่างก็มีอาการป่วยตามมาเพราะสิ่งที่เป็นต้นเพลิงคือสารเคมีที่มีจำนวนมากและส่งผลต่อร่ายการโดยผ่านระบบทางเดินหายใจ

     สถานที่เกิดเหตุคือท่าเรือคลองเตย มีการเก็บสารเคมีหลายชนิดไว้ภายในโกดังซึ่งสาเหตุของเพลิงใหม้อาจเกิดจากความร้อนภายในบริเวณจัดเก็บ โกดัง 3 ในจำนวน 5 โกดังถูกเผาใหม้จนไม่เหลือเพลิงใหม้ลุกลามติดต่อกันเป็นเวลากว่า 3 วัน รถดับเพลิงกว่า 100 คัน รวบรวมจากหลายพื้นที่ใน กทม. ทำการฉีดน้ำเข้าเพื่อดับไฟแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ อาจด้วยเพราะต้นเพลิงเป็นสารเคมีหลายชนิดการใช้น้ำดับอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ต้องยอมรับว่าการท่าเรือเองก็ไม่มีแผนที่จะรับมือเหตุนี้ไว้เลย สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือระดมรถดับเพลิงและฉีดน้ำเท่านั้น

     ท้องฟ้าในช่วงบ่ายนั้นต้องมืดไปด้วยควันจากสารเคมีที่ลุกใหม้ แรงระเบิดของสารเคมีจากโกดังกะเด็นเป็นดาวตกไปใส่ชุมชนคลองเตย ผู้คนวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด บ้านในชุมชนแต่ละหลังเป็นบ้านไม้ทั้งหมดทำให้เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี บ้านเรือนจำนวน 642 หลังคาเรือนโดนเผาจนไม่เหลือสภาพเดิม

     เวลาผ่านไปกว่า 3 วันเพลิงก็มีทีท่าจะลดลง แต่สิ่งที่ตามมาคือกลิ่นจากสารเคมีที่เผาใหม้ไปสร้างผลร้ายกับคนในบริเวณนั้น เมื่อควบคุมเพลิงได้แล้วพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้นที่ 4 คน บาดเจ็บ 30 คนในจำนวนนั้นเป็นตำรวจดับเพลิงกว่า16คน และมีผู้ได้รับผลกระทบจากสารพิษ 1,700 คน ผู้ไร้บ้านกว่า 5,000 คน ที่น่าเศร้าใจคือหญิงมีครรภ์จำนวน 499 คนมีปัญหาคือลูกไม่ดิ้นและมี 5 คนในจำนวนนั้นที่ลูกเสียชีวิตภายในครรภ์

     ปัญหาหลังจากที่เหตุการณ์เพลิงสงบลงคือสารเคมีที่กระจายไปทั่วบริเวณนั้น มีหลายชนิดรวมกันแต่มีอยู่ 2 ชนิดที่ส่งผลกับร่างกายมากที่สุดคือ พาราฟอร์มัลดีไฮด์(เป็นรูปแบบหนึ่งของฟอร์มาลีน),เมทิลโปรไมด์(เป็นยาฆ่าแมลง) สารทั้งสองมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองถ้าโดนตาก็จะมีน้ำตาไหลออกมาตลอด และทำให้หายใจลำบากเพราะหลอดลมจะตีบลงเหมือนรู้สึกหายใจไม่ออก ส่วนเมทิลโปรไมด์มีผลเพิ่มขึ้นมาในระบบประสาททำให้เกิดอาการมือสั่นและชา เวียนศรีษะ อาเจียน และส่งผลระยะยาวตือร่างการอีกทั้งสามารถก่อให้เกิดมะเร็ง

เหตุการณ์ไฟใหม้ที่ท่าเรือคลองเตยไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นซ้ำซากในระยะเวลาตลอด 5 ปี


  •      23 เมษายน 2532 ไฟใหม้สารที่ใช้ทำยาฆ่าแมลง มีผู้ได้รับพิษจากสารเคมี 531 คน
  •      8 มกราคม 2534 ไฟใหม้บริเวณเก็บถังกรดไนติก 
  •      2 มีนาคม 2534 เกิดเพลิงใหม้ครั้งใหญ่ที่สุด
  •      20 เมษายน 2536 เกิดเหตุเพลิงใหม้สารเคมีจำนวน 4 ชนิด มีผู้ได้รับพิษจากสารเคมีจำนวน 79 คน

     ในระยะเวลาตลอดที่มีเหตุการณ์เพลิงใหม้เกิดขึ้น ชาวบ้านต้องอยู่กันแบบหวาดกลัว ทางด้านการท่าเรือแห่งประเทศไทยในฐานะที่เป็นเจ้าของโกดังก็แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการช่วยเหลือครอบครัวที่ยากไร้ต่าง ๆ พร้อมจัดหาที่พักพิงและจ่ายเงินสงเคราะห์ให้กับครอบครัวผู้เสียหาย 1,000 บาทต่อครอบครัวและค่าทำศพ20,000 บาทต่อศพ

     เมื่อการชดเชยผู้เสียหายเห็นว่าไม่คุ้มค่าจึงเกิดการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น แต่ไม่มีการฟ้องร้องเพราะทางการท่าเรือขอเจรจาชดใช้ค่าเสียหายเอง โดยจ่ายให้ครอบครัว 10,000-20,000 บาทต่อเดือน แต่จนถึงปัจจุบันคนที่โดนพิษจากสารเคมีก็ยังคงมีอาการป่วยและต้องรักษาตัวเสมอ ค่าชดเชยจึงเรียกได้ว่าไม่คุ้มค่า

     หลังจากนั้นรัฐบาลก็มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเก็บรักษาใหม่ โดยเอาสารเคมีไปทำลายในพื้นที่ของทหารแถวกาญจนบุรี และมีมาตรการแยกประเภทของสารเคมี พร้อมทั้งแยกประเภทของสารเคมีก่อนการจัดเก็บส่วนสารเคมีที่อันตรายมากก็เอาไปเก็บไว้ที่ท่าเรือแหลมชบัง ถ้ามีการขนย้ายก็ไปใช้พานิชนาวีท่าเรือของทหารเรือ

     ถ้ามาตรการที่ใช้มีขึ้นเร็วกว่านี้ตั้งแต่ตอนเริ่มแนวคิดการใช้ประเทศไทยเป็นที่จัดเก็บสารเคมีจากประเทศอื่นๆ  รวมทั้งวิธีการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับสารเคมีจากหมอผู้เชี่ยวชาญให้การรักษาแบบตรงตามความสามารถ ความเสียหายอาจจะไม่มากขนาดนี้



อ้างอิง : https://www.youtube.com/channel/UCrFDdD-EE05N7gjwZho2wqw

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น