ย้อนกลับไปช่วงเช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2528 เป็นวันที่ครอบครัว "บุญน้อย"ที่ต้องเสียลูกสาวด้วยวัยเพียง 1ปี6เดือนไป ในวันนั้นเป็นวันอาทิตย์และเป็นวันหยุดที่คนงานทำงานกันไม่กี่คน ทำให้คนอาจไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีเด็กตัวเล็กๆเดินเล่นตามประสาของวัยไร้เรียงสา แต่สิ่งที่โชคร้ายคือมีหลุมเสาเข็มที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่มีการปิดกั้นให้ดี เด็กน้อยจึงพลัดตกลงไป
ด้วยความกว้างของหลุมที่เจาะนั้นมีขนาดเพียงแค่ 20 ซม.แต่ลึกถึง 24 เมตร ทำให้ไม่มีใครพบว่าเด็กไปไหน เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานแม่ก็เริ่มสงสัยว่าลูกไปไหนจึงร้องเรียกหาได้ยินเสียงเบาๆออกมาจากหลุมนั้น แค่เสียงเบาๆก็ทำให้ผู้เป็นแม่รับรู้ได้ "เพรช เพรช เพรชได้ยินแม่มั้ย" แม่พยายามเรียกหาลูกสาวสมภารผู้เป็นแม่ร้องไห้อยู่ปากหลุม แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงเบาๆออกมา
เมื่อทีมช่วยเหลือมาถึงก็พยายามส่งท่อหายใจลงไปภายในหลุมให้ ด.ญ.สร้อยเพรชได้หายใจ จากนั้นลองหย่อนเหล็กลงไปเพื่อทดสอบความลึกของตำแหน่งที่เด็กอยู่ พบว่าจากปากหลุมลงไปแค่14เมตรเท่านั้น จึงปรึกษาว่าจะลองดึงเข็มชุดแรกยาว 12 เมตรออกจากนั้นก็เริ่มโดยการใช้แบล็กโฮขุดดินรอบข้างออก
สมภารผู้เป็นแม่ทำได้แค่เพียงขอพรจากศาลพระภูมิให้ สร้อยเพรชรอดปลอดภัยเท่านั้น จนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงครึ่งรถตักดินต้องหยุดทำงานก่อนเพราะรถจะไหลลงไปจึงต้องหาไม้หรือวัสดุมาค้ำหน้าดินไว้ ต่อมาถึงช่วงบ่ายโมงเจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณจากเด็กอีกครั้งจากการที่เชือกกระตุก เจ้าหน้าที่จึงให้เด็กเอาเชือกมัดไว้กับตัวเอง แต่เด็กวัยแค่16เดือนเท่านั้นจึงเป็นเรื่องยากมาก
เมื่อขุดดินไปได้12เมตรแล้วเสาเกิดเอียงดินได้ไหลเข้าไปในหลุด แต่เด็กยังดึงเชือกอยู่เลยตัดสินใจใช้ปั่นจั่นถอนเสาออกมาแต่ไม่สามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้นเสาเกิดหักขึ้นมาและดินรอบๆกับน้ำได้ไหลลงไปภายในหลุม 10ชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถดึงเสาเช็มที่หักขึ้นมาได้แต่ยังไม่พบร่างเด็ก ขณะนั้น นพ.วงศ์เมือง หงสกุล (ผอ.รพ.ผ่านศึกในณะนั้น) หารือกับเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องนำร่างเด็กขึ้นมาให้ได้ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่
สี่ทุ่มของวันนั้น พ.ต.อ. เอนก ว่องวานิช ผู้กำกับการ5ตำรวจดับเพลิง แจ้งว่าให้หยุดขุดก่อนเพราะต้องใช้แผ่นเหล็กมาป้องกันดินถล่มถึงจะขุดได้
จากข่างเล็กๆกลายเป็นข่าวใหญ่ นายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรีเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมรับปากกับพ่อและแม่ของสร้อยเพรชว่าจะนำร่างขึ้นมาให้ได้ แต่ปัญหาในตอนนี้คือดินที่ขุดขึ้นมาก็ไหลกลับลงไปอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ผ่านมาเป็นวันที่3แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะพบ
จนกระทั่งวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เสียงแห่งการรอคอยก็มาถึง "พบแล้ว พบแล้ว"เจ้าหน้าที่พบเสาเข็มที่หักโดยมีดินปิดไว้จึงพากันใช้พลั่วขุดออก เจ้าหน้าที่ใช้เหล็กต่อกันยาวๆหลายเมตรเพื่อดึงร่างขึ้นมา พร้อมทั้งฉีดน้ำให้ดินอ่อนแต่ก็พบสิ่งกีดขวางไม่สามารถดึงออกมาได้
3ทุ่มกว่าชาวบ้านมุงกันเยอะขึ้นเจ้าหน้าที่ต้องพยายามกันคนออกป้องกันดินที่จะถล่มด้วย 04:25น.เหล็กได้ดึงร่างขึ้นมาได้ทีละนิด ท่ามกลางชาวบ้านที่มุงดูและเจ้าที่หน้าที่ปฏิบัติงาน เสื้อเริ่มปรากฏขึ้นตามมาด้วยแขนขาร่างที่ไร้วิญญาณของ ด.ญสร้อยเพรชถูกดึงขึ้นมาโดยไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆทั้งสิ้น เสื้อผ้าเปรื้อนไปด้วยโคลน แต่ที่น่าสลดคือบนหัวมีรอยถูกแถงด้วยเหล็กที่ใช้ดึงร่างขึ้นมาเป็นแผลจนสภาพหัวแหลก
เมื่อร่างที่ไร้วิญญาณของหนูน้อยมาสู่อ้อมอกผู้เป็นพ่อและแม่ เสียงร้องไห้ที่ไร้ซึ่งน้ำตาเพราะไหลมาต่อเนื่องมา4วันเต็มๆ จนเหลือแค่ความเศร้าสร้อยลูกได้จากไปเพราะอุบิติเหตุที่เรียกว่าโชคร้ายและความประมาทในการทำงานที่ไม่มีการป้องกันพื้นที่ให้ดี
อ้างอิง : http://news.tlcthai.com/news-interest/595228.html,https://board.postjung.com/901304.html,https://www.thairath.co.th/content/514695
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น