เมืองคนดีซื่อสัตย์สุจริต พูดโกหกคำเดียวก็ไม่ได้ "ลูกเขยบอกลูกให้หยุดร้องไห้ หลุดปากออกว่า.....แม่มาแล้ว ต้องออกจากเมือง" เป็นตำนานของจากอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ คำว่า"ลับแล" ในหนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ จังหวัดอุตรดิตถ์ บอกว่า "ลับแล" เป็นที่มองไม่เห็นมีลักษณะภูมิประเทศซับซ้อน หาบ้านเรือนไม่เจอคนต่างถิ้นเข้าไปมักหาทางออกไม่เจอ
เส้นทางไปเมืองลับแล กดลิ้งที่รูปภาพได้เลยครับ
บรรยากาศในเมืองลับแลเมื่อยามพลบค่ำ ตะวันยังไม่ตกดินดีก็เริ่มมืดแล้ว เพราะมีดอยม่อนฤาษีตั้งสูงบังดวงอาทิตย์ ป่าแถวนั้นเรื่อว่า "ป่าลับแลง" (แลง หมายถึง ตอนเย็น) ต่อมาก็เรียกเพี้ยนตามกันมาว่า "ลับแล"
ในอำเภอลับแลชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ปลูกทุเรียนและปลูกลางสาด ที่สวนให้ผู้หญิงดูแลเด็กที่บ้าน เมื่อคนผ่านไปผ่านมาเห็นมีแต่ผู้หญิงจึงเรียกเมืองอีกชื่อว่า "เมืองแม่ม่าย"
เรื่องเล่าของตำนานเมืองลับแลเล่าไว้ว่า มีชายคนหนึ่งเข้าไปในป่าเห็นผู้หญิงสาวสวยเดินออกจากป่าเข้าไปในเมือง โดยระหว่างทางได้ทิ้งใบไม้ไว้ตามทางชายคนนั้นสงสัยจึงเก็บใบไม้ไว้แล้วแอบรอผู็หญิงกลับมา เมื่องหญิงสาวกลับมาไม่เจอใบไม้ก็เกิดอาการกังวน ผู้ชายจึงแสดงตัวออกมาพร้อมกับคืนใบไม้ให้และมีข้อแม้ขอติดตามหญิงสาวไปด้วย หญิงสาวจึงตกลงจึงพาไปในหมู่บ้านและได้เล่าถึงเรื่องในหมู่บ้านว่าผู้คนในนี้มีความซื่อสัตย์ ไม่พูดโกหก มีศีลธรรม ถ้าใครทำผิดต้องออกจากหมู่บ้าน จากนั้นหญิงสาวได้พาไปพบกับแม่และตกลงกันว่าจะแต่งงานอยู่กินกัน วันเวลาผ่านไปทั้งสองมีลูกด้วยกัน 1 คน
ต่อมาวันหนึ่งในระหว่างที่ผู้ชายกำลังเลี้ยงลูกตามลำพัง ลูกได้ร้องไห้ออกมาตลอดผู้เป็นพ่อจึงได้บอกลูกว่า "แม่มาแล้ว อย่าร้องไห้" แม่คนในหมู่บ้านได้ยินดังนั้นจึงทำให้ไม่พอใจ และขับไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะทำผิดตามที่ตกลงกันไว้ว่าห้ามพูดโกหก
เมื่อหญิงสาวกลับมาก็ต้องจำใจให้ฝ่ายชายต้องออกจากหมู่บ้านไป และจัดหาย่ามและใส่ขมิ้นไว้ข้างในพร้อมกำชับว่าให้เปิดออกเมื่อไปถึงที่บ้านเท่านั้น แต่เมื่อออกมาแล้วเดินมารู้สึกว่าย่ามก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ ลองล้วงดูในย่ามก็มีแต่ขมิ้นจึงเอาทิ้งเหลือไว้แค่นิดเดียว เมื่อมาถึงบ้านเกิดของตอนเองผู้คนสงสัยว่าหายตัวไปนานจึงได้สอบถาม เขาจึงเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้วเอาขมิ้นขึ้นมาให้ดูแต่ปรากฏว่าเป็นทองคำ เขาก็เลยรีบกลับไปหาตามทางที่ผ่านมาแต่ก็ไม่เจอ และก็หาหมู่บ้านที่จากไปก็ไม่พบเจอ
ดังนั้นเมืองลับแล จึงได้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีตำนานและเรื่องเล่าที่น่าสนใจรอให้ผู้คนเข้าไปสัมผัสในความเป็นเมืองแห่งสัจจะ ขนบธรรมเนียมที่ดีงาม ซึ่งถ้าได้ผ่านไปแถวหน้าซุ้มประตูเมืองจะพบรูปปั้น ที่แสดงถึงสัญญลักษณ์โดยมีผู้หญิงยืนเศร้าและฝ่ายชายนั่งถือถุงย่ามคอตก พร้อมข้อความที่บอกว่า"ขอเพียงสัจจะวาจา"
อ้างอิง : https://th.wikipedia.org , http://info.dla.go.th/public/travel.do , http://www.finearts.go.th , https://www.clipmass.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น